วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ลิปสติก สวยซ่อนอันตราย



ข่าวร้ายสำหรับคุณผู้หญิงที่ติดลิปสติก เพราะมีรายงานข่าวระบุว่า ลิปสติกสามารถทำลายไอคิวและสุขภาพของคุณได้ เพราะพิษของสารตะกั่วที่เจือปนอยู่ในลิปสติกหลายแบรนด์นั้น จากผลการทดสอบมีถึง 55 เปอร์เซ็นต์ของลิปสติกที่สำรวจพบว่ามีตะกั่วปนเปื้อนอยู่

ห้องปฏิบัติการรับประกันในสหรัฐอเมริกา ทำการตรวจสอบลิปสติกหลากสี 22 ยี่ห้อที่วางขายตามร้านค้าและร้านขายยาในสหรัฐอเมริกา พบว่าตัวอย่างลิปสติก 12 แบรนด์มีปริมาณสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษต่อระบบประสาทและสมองของมนุษย์ในระดับสูงสุดถึง 3.22 ส่วนต่อล้านส่วน (พีพีเอ็ม)

ตัวเลขสัดส่วนเทียบกับหลักล้านอาจดูไม่มากนัก แต่ ดร.ฌอน พัลฟรีย์ ผู้อำนวยการโครงการป้องกันการรับสารตะกั่วแห่งเมืองบอสตัน กล่าวเตือนว่า ตะกั่วปริมาณกระจิริดก็เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของคนเรา และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตได้ด้วย "เท่าที่เรารู้ในตอนนี้คือ สารตะกั่วแม้ในระดับต่ำที่สุดก็สามารถทำร้ายไอคิว พฤติกรรม และความสามารถในการเรียนรู้ของคุณได้"

และความที่สหรัฐอเมริกาไม่มีกฎข้อบังคับกับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ก็ทำให้นักเคลื่อนไหวต่อต้านการปนเปื้อนสารตะกั่วแสดงความกังวลว่า กลุ่มสตรีมีครรภ์และเด็กอาจรับสารพิษนี้โดยไม่รู้ตัว เพราะเมื่อมองถึงภัยจากสารตะกั่ว ผู้คนมักเพ่งเล็งที่สภาพแวดล้อม และสถานที่ที่เด็กอยู่อาศัย หรืออุปกรณ์ของเล่นที่เด็กอาจนำเข้าปาก แต่ใครจะไปนึกถึงลิปสติก

รายงานผลการทดสอบไม่ได้เปิดเผยยี่ห้อของลิปสติกที่พบสารตะกั่วเจือปนในสหรัฐ แต่ผลการศึกษาก็พบแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี2553 ซึ่งคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) เคยพบปริมาณตะกั่วในลิปสติกระดับสูงสุดถึง 7 พีพีเอ็ม

ถึงขนะนี้ เอฟดีเอของสหรัฐยังไม่ได้กำหนดเกณฑ์จำกัดระดับของสารตะกั่วในลิปสติก ซึ่งอาจปนเปื้อนมาจากสารให้สีบางสีที่สกัดมาจากแร่ ทำให้พบสารตะกั่วที่ปกติจะพบอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นดิน น้ำ หรืออากาศ การศึกษาอีกชิ้นในสหรัฐเมื่อต้นปีพบว่ามีลิปสติกยี่ห้อดัง 400 เฉดสี มีสารตะกั่วเจือปนอยู่ โดยใน 10 อันดับแรกนั้นมีลิปสติกของแบรนด์ปนอยู่ด้วยหลายราย 

เจเน็ต นูเดลแมน จากกลุ่มรณรงค์เพื่อเครื่องสำอางปลอดภัย กล่าวว่า ลิปสติกเกินครึ่งถูกพบว่ามีตะกั่วเจือปน แต่อีกเกือบครึ่งกลับไม่มี นั่นแสดงว่าผู้ผลิตก็สามารถผลิตลิปสติกที่ไม่มีสารตะกั่วได้.

 

 
ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/32133

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น