วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เบนโตะ ข้าวกล่องน่ารักๆ

ประวัติของเบนโตะหรือข้าวกล่องญี่ปุ่นนั้น เราสามารถย้อนกลับไปได้ไกลจนถึงยุคคามะคูระ (Kamakura ปี 1185-1333) ตอนปลาย หรือประมาณ 600 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งเป็นยุคที่เริ่มมีการพัฒนาอาหารแห้งที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Hoshi-ii และในสมัย อาซูชิ-โมโมยามา (Azuchi-Momoyama ปี 1568-1600) ได้มีการผลิตกล่องไม้เบนโตะเหมือนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ และเบนโตะก็มักจะ รับประทานคู่กันในระหว่างพิธีชงชานับแต่นั้นมา บนโตะมาได้รับความนิยมสุด ๆ ในช่วงยุค 80 ที่เริ่มมีการใช้เตาไมโครเวฟตามร้านสะดวกซื้อ และภาชนะที่ใส่อาหาร ได้มีการใช้วัสดุราคาถูกมาผลิตเป็นกล่องเบนโตะ อาทิ โฟม ไม้ ราคาถูก ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งแทนกล่องไม้เคลือบแลกเกอร์ราคาแพงหรือโลหะที่นิยมใช้กันในช่วงยุคแรก ๆ และในปี 2003 สนามบินต่าง ๆ ก็เริ่มมีเบนโตะขายให้แก่ผู้โดยสารซื้อ รับประทานระหว่างรอขึ้นเครื่องบินกัน นับเป็นอาหารจานด่วนที่ได้รับความนิยมมากมาจนถึงทุกวันนี้ เบนโตะ หรืออาหารปิ่นโตแบบญี่ปุ่นที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า เบนโตะ นั้น ถ้าแปลตามตัวจะได้ความหมายว่า อาหารกลางวันระหว่างม่าน เมื่อชาวญี่ปุ่นไปหาความสำราญจากการดูละครนอกบ้าน จะมีการจัดข้าวสวยและกับข้าวออกมาขายเพื่อให้ผู้ชมรับประทานระหว่างที่มีการปิดผ้าม่านช่วงละครหยุดพักครึ่งเวลา ในเบนโตะจะประกอบด้วยอาหารมากมายหลายชนิด ทั้งที่เป็นอาหารที่ได้จากทะเลบ้าง อาหารจากภูเขาบ้าง รวมทั้งอาหารที่ได้จากท้องถิ่นนั้น ๆ อีกด้วย ซึ่งแต่ละชนิดจะทำด้วยเครื่องปรุงหลากหลาย และปรุงด้วยวิธีต่าง ๆ กัน เช่น “มิโนะโมะ” คือผักต้ม “ยะกิโมะโนะ” คือปลาย่าง “ซุโนะโมะโนะ” คืออาหารประเภทปลาและผักที่แช่น้ำส้มมาแล้ว “อะเงะโมะโนะ” คืออาหารประเภททอด “ซุเกะโมะโนะ” คือผักดอง การเปิดกล่องเบนโตะจึงเป็นเรื่องเพลิดเพลินมากสำหรับชาวญี่ปุ่น ที่สำคัญ จะจัดเรียงอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงสุนทรีย์ทางด้านความงามของคนญี่ปุ่นอย่างชัดเจน จากข้าวกล่องที่หารับประทานกันตามโรงละคร เบนโตะยังได้พัฒนากลายเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตประจำวันของ ชาวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะมีการเตรียมอาหารใส่กล่องเพื่อความสะดวกสบายต่อการพกพาไปรับประทานนอกบ้าน หรือระหว่างการเดินทาง คล้ายกับ ลันช์บ็อกซ์ (lunch box) ของอเมริกากันแทบทุกบ้าน โดยส่วนมากกล่องที่ใส่จะมีลักษณะเป็นหลุม ๆ เหมือนกับถาดหลุม เพื่อจะได้สามารถจัดอาหาร เช่น ข้าวสวย กับข้าว รวมถึงเครื่องเคียงอื่น ๆ ใส่ลงในกล่องได้อย่างเป็นสัดส่วน เบนโตะแบ่งออกได้หลายชนิด อาทิ Sake Bento เป็นอาหารเบนโตะแบบง่าย ๆ ที่มีอาหารหลักเป็นปลาแซลมอน ต้มสาเก Sushizume เบนโตะที่มีแต่ซูชิ Shidashi Bento เป็นเบนโตะที่เสิร์ฟตามร้านอาหารหรือภัตตาคาร และ Ekiben เบนโตะยอดนิยมและถือเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรว่า เบนโตะตามสถานีรถไฟ โดยเบนโตะแบบนี้จะวางขายตามสถานีรถไฟทุกแห่งในญี่ปุ่น เริ่มแพร่หลายตั้งแต่ปลายสมัยเมจิ (ปี 1868-1912) และต้นสมัยทะอิโช (ปี 1912-1926) แต่ละภูมิภาคจะมีเบนโตะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ซึ่งทำให้สามารถอวดรสชาติของท้องถิ่นได้ คล้าย ๆ กับอาหารชื่อดังตามภาคหรือจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทยนั่นเอง ซึ่งถ้าหากชอบรับประทานเบนโตะก็สามารถทัวร์กิน Ekiben ไปได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว อาหารแทบจะทุกชนิดสามารถนำมาทำเป็นเบนโตะได้ โดยจะมีส่วนประกอบหลัก ๆ อยู่ 4 ส่วน ส่วนแรกที่ขาดไปเสียมิได้ คือ ข้าว ส่วนต่อมาคือ กับข้าว ซึ่งมักจะเป็นเนื้อหรือปลาเป็นหลัก ส่วนที่ 3 เป็นผัก ซึ่งอาจจะเป็นผักต้มชนิดต่าง ๆ และส่วนสุดท้าย เป็นผักดอง หรือขนมหวาน นอกจากความสะดวกสบายในการพกพาแล้ว เบนโตะยังเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของความรักและความห่วงใยอีกด้วย สายใจ พูนชัย ผู้จัดการห้องอาหารญี่ปุ่นสึโรงแรม เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ กล่าวถึงคุณค่าของเบนโตะในแง่ของจิตใจที่มีต่อชาวญี่ปุ่นให้ฟังว่า ในสมัยก่อน ก่อนที่สามีจะออกจากบ้านเพื่อไปทำไร่ทำนา ฝ่ายภรรยาจะลุกขึ้นมาตระเตรียมอาหารกันแต่เช้าตรู่ เพื่อใส่กล่องให้สามีรับประทานระหว่างพักกลางวัน “อาหารที่อยู่ในเบนโตะนอกจากจะพิถีพิถันในเรื่องของรสชาติแล้ว ยังคำนึงถึงหลักทางโภชนาการอาหารที่ต้องครบทุกหมวดหมู่ เพื่อให้ได้มาซึ่ง พละกำลังในการทำงานหนักต่ออีกทั้งวัน เบนโตะจึงเป็นเสมือนตัวแทนความรักความห่วงใยที่ภรรยามีต่อสามี” ยามเปิดเบนโตะขึ้นมาแล้วเห็นหน้าตาของอาหารที่ภรรยาตั้งใจทำมาให้ก็อาจจะทำให้ฝ่ายสามีหายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้งทีเดียว แม้แต่เด็กนักเรียนในประเทศญี่ปุ่นก็มักจะพกเบนโตะไปเป็นอาหารกลางวันที่โรงเรียน และบ่อยครั้งก็มักจะแบ่งกันรับประทาน ดังนั้น อาหารที่พ่อแม่ใส่กล่องมาให้ลูกนั้นมักจะเตรียมอย่างดีที่สุด มีการจัดอย่างพิถีพิถันและสวยงาม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงออกให้เห็นได้ถึงฐานะทางสังคม หรือสถานะทางบ้านได้เลยทีเดียว เพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนหรือคุณครูจะสามารถเรียนรู้อุปนิสัยของคุณพ่อคุณแม่ของเด็กคนนั้นได้จากการเตรียมเบนโตะด้วยนั่นเอง ดังนั้น แม้ว่าเบนโตะจะสามารถหาได้ตามร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่แม่บ้านญี่ปุ่นจะต้องเตรียมเบนโตะที่มีหน้าตาน่ารับประทานให้เป็นด้วย การจัดเบนโตะถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากทีเดียว โดยปกติแล้วเราจะเห็นว่าเบนโตะมีสีสันสวยงาม และบ่อยครั้งที่เราจะเห็นการนำตุ๊กตาหรือว่าดอกไม้ใบไม้มาจัดลงในกล่องเบนโตะด้วย บ้างก็จะใช้ผ้าลวดลายสวยห่อกล่องเบนโตะไว้อย่างงดงาม เบนโตะ ยังเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรักของคนหนุ่มสาวอีกด้วย นับได้ว่าเป็นของขวัญที่จะสามารถสร้างความประทับใจให้แก่คนรักได้มากทีเดียว เมื่อหญิงสาวญี่ปุ่นตกหลุมรักชายหนุ่มแล้วละก็ เธอมักจะแสดงออกโดยการมอบเบนโตะให้เป็นสื่อแทนใจ ซึ่งเราเห็นได้ในการ์ตูนญี่ปุ่นโดยทั่วไปที่เมื่อหญิงสาวตกหลุมรักชายหนุ่มแล้ว มักจะมีการมอบเบนโตะให้กับชายที่ตนตกหลุมรักเหมือนในการ์ตูนเรื่อง Wedding Peach ที่ โมโมโกะ มีความพยายามที่จะทำเบนโตะให้แก่ ยานากิบะ ชายรูปงามที่ตนหลงรัก แต่แล้ว โยซุเกะ ที่เป็นเพื่อนก็จับได้ว่าโมโมโกะไม่ได้ทำเบนโตะเอง แต่ไปซื้อมาต่างหากล่ะ และยังมีการกล่าวถึงเบนโตะ ในลักษณะของสื่อแสดงความรัก ในการ์ตูนญี่ปุ่นอีกหลาย ๆ เรื่อง ด้วยกันนอกจากเบนโตะจะเป็นเครื่องแสดงความรักของ คู่บ่าวสาว หญิงที่แต่งงานแล้วยังทำเบนโตะให้สามีเพื่อแสดงว่าเธอยังรักเขาอยู่อย่างไม่จืดจางอีกด้วย ว่ากันว่า ถ้าจะเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นคนรักหรือภรรยา ก็ให้สังเกตจากเบนโตะที่เธอจัดเตรียมมาให้ หากอาหารที่เธอบรรจงตกแต่งออกมาอย่างสวยงามประณีต นั่นก็แสดงว่าเธอนั้นเป็นแม่บ้านแม่เรือนขนานแท้ และมีความพิถีพิถันกับการใช้ชีวิต สมควรนำมาเป็นคู่ครอง






























ที่มา  http://www.siamzone.com/,http://www.ilovetogo.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น